ความแน่นอนคือความไม่นอน 10 ปี 3 นายจ้าง การต่อสู้เพื่อ PR ด้วย Sponsorship ของคุณอุ๊ นุสรา
Posted on 27 June 2024
Posted on 27 June 2024
การเดินทางของคุณอุ๊ นุสรา เริ่มต้นขึ้นในปี 2009 ด้วยความตั้งใจที่จะมาเรียนภาษา และต่อปริญญาโทในสาขา Business ซึ่งในระหว่างที่เรียนคุณอุ๊ก็ได้ทำงาน Part-time ให้กับร้านอาหารต่างๆ ไปด้วยเหมือนคนอื่นทั่วไป โดยไม่ได้มีความตั้งใจที่จะอยู่ต่อที่ประเทศออสเตรเลียแต่อย่างใด ก่อนที่คุณอุ๊จะตัดสินใจกลับ ก็มีคนมาชักชวนให้ไปทำงานที่ร้านในตำแหน่ง Restaurant Manager โดยที่จะทำสปอนเซอร์วีซ่า 457 ให้ และนั่นถือเป็นจุดที่จุดประกายให้คุณอุ๊ตัดสินใจอยู่ต่อที่ออสเตรเลียเพื่อ Permanent Residency
“แต่ใครจะคิดเนอะว่า Journey ของพี่เนี่ย จะใช้เวลานานกว่าที่คิด”
“เราคิดว่าทุกอย่างมันจะสวยหรู….Smooth”
คุณอุ๊ได้รับการ Sponsor บนวีซ่า 457 ด้วยตำแหน่ง Manager จากร้านแรกที่ Geelong ตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด ซึ่งตาม Plan แล้ว คุณอุ๊จะสามารถยื่นขอ PR ได้ภายในเวลา 2 ปี แต่ทุกอย่างก็ไม่เป็นไปอย่างที่คิด เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญกับปัญหา ซึ่งส่งผลกระทบกับวีซ่าของคุณอุ๊ด้วย คุณอุ๊จึงตัดสินใจหานายจ้างใหม่
“การทำ Sponsor มันก็ไม่ได้จบที่ Happy Ending เสมอไป”
คุณอุ๊เผยว่าปัญหาส่วนใหญ่ในการทำ Sponsor กับนายจ้าง อาจเป็นเพราะความไม่เคลียร์ในเรื่องต่างๆ และความเกรงใจในฐานะลูกจ้าง ทำให้ไม่กล้าถามคำถามให้ชัดเจน เลยทำให้เกิดความอึดอัดใจ มีข้อข้องใจ และส่งผลให้ Sponsorship ไปได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง
คุณอุ๊เล่าให้ฟังว่าการหานายจ้างใหม่ไม่ใช่เรื่องง่าย ประกอบกับกรอบระยะเพียงแค่ 90 วัน ณ ตอนนั้น ทำให้คุณอุ๊เกือบจะถอดใจไปแล้ว แต่โชคก็ยังเข้าข้าง คุณอุ๊ได้มาเจอกับนายจ้างที่ 2 ซึ่งอยู่ที่ Geelong เหมือนกัน ทำให้คุณอุ๊ได้ไปต่อ
“ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะได้ทาง I-migration ที่คอยให้คำปรึกษาทุกเรื่อง เอาจริงๆ พี่เกือบจะถอดใจแล้วว่าหากเราหาไม่ได้หรือว่ามันไม่มีทางเนี่ย พี่อาจจะตัดสินใจกลับ แต่ก็ได้เอมี่คอยให้ปรึกษามาตลอด และคอยแนะแนวว่ามันมีทางเลือกอะไรบ้างตอนนั้น”
ในครั้งนี้ คุณอุ๊ได้เข้ามาช่วยบริหารร้านในสาขาหลักให้กับนายจ้างใหม่ และด้วยบทเรียนที่ได้รับจากร้านแรก ทำให้คุณอุ๊เรียนรู้ที่จะพูดคุยกับนายจ้างอย่างตรงไปตรงมาในเรื่องข้อตกลงต่างๆ และทำให้ทุกอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรก ซึ่งนั่นทำให้การทำงานและทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น แต่แล้ว Sponsorship ก็ต้องสะดุดลงอีกครั้ง เมื่อทางรัฐบาลเปลี่ยนกฎผลสอบภาษา IELTS จากเดิม 5 เป็น 6 each bands ประจวบเหมาะกับจังหวะที่ร้านเองก็เริ่มประสบปัญหาภายในและเริ่มทยอยขายบางสาขาออกไปเพื่อเตรียมปิดตัวลง ทำให้คุณอุ๊ไม่มีทางเลือก นอกจากเปลี่ยนนายจ้างอีกครั้ง เพื่อยื้อเวลาในการสอบ IELTS ใหม่
“อีกแล้วเหรอ เราต้องเปลี่ยนนายจ้างครั้งที่ 3 อีกแล้ว”
แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี เพราะนายจ้างรายใหม่ครั้งนี้ก็คือคนที่มาซื้อสาขาต่อจากนายจ้างเดิมของคุณอุ๊ และยินดีที่จะรับช่วง Sponsor คุณอุ๊ต่อ แต่คุณอุ๊ก็ยังต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่กับนายจ้างใหม่อยู่ดี คุณอุ๊เล่าให้ฟังอีกว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่ทางรัฐบาลกำลังจะเปลี่ยนกฎ โดยที่จะเอา Restaurant Manager ออกจาก List ในไม่ช้า ซึ่งทำให้การขอ PR ของคุณอุ๊มีเวลาเข้ามากดดันอีก
“การหานายจ้าง Sponsor ได้แล้ว ใช่ว่าจะสบาย เพราะยังมีอะไรหลายๆ อย่างที่มันเกิดขึ้น และอยู่เหนือการควบคุมของเรา”
หลังจากที่ต่อวีซ่าไปอีกครั้ง คุณอุ๊ก็ทำคะแนนสอบผ่าน และสามารถยื่นขอ PR ได้ในที่สุด ซึ่งถ้านับตั้งแต่วันที่เริ่มต้น Journey ครั้งนี้ ก็เป็นระยะเวลาร่วม 10 ปี
“วันที่ได้รับอีเมล์ว่าได้ PR แล้ว คือวันที่แบบดีใจมาก น้ำตาไหลเลย มันรู้สึกแบบ โอ้ ทำได้แล้ว ดีใจมากจนไม่รู้จะบรรยายยังไง เพราะว่าเส้นทางของพี่มันยาวนานมาก คือมันมีปัญหา อาจจะเป็นปัญหาจากนายจ้าง ปัญหาจากตัวเราเองเรื่องการสอบด้วย หลายๆ อย่าง วันที่ได้ข่าวดีคือ โล่ง ได้ซักที”
1 ปี หลังจากที่คุณอุ๊ประสบความสำเร็จคว้า PR มาได้ คุณอุ๊ก็ได้ซื้อบ้านเป็นของตัวเอง และลงมือทำธุรกิจ โดยซื้อร้านต่อจากนายจ้างที่ 3 และดำเนินการต่อด้วยตัวเอง
“เราสามารถทำธุรกิจได้ เพราะเรามี PR เป็นของตัวเองแล้ว เราสามารถไปจองเงินซื้อบ้านและที่ดินได้”
“สำหรับน้องๆ ที่เรียนอยู่แล้วอยากจะสมัคร PR หรือ Sponsor พี่อยากให้ Focus ไปตรงจุดนั้นเลย แล้วก็ศึกษาข้อมูลดีๆ ถ้าเกิดมีโอกาส มีนายจ้าง Sponsor อยากให้คุยกันให้ชัดเจน เรื่องข้อตกลงหลายๆ อย่าง เพราะบางทีถ้าเราไม่พูดตอนนี้ ถ้ามันเกิดอะไรขึ้นมา มันทำให้เราเสียเวลาเหมือนพี่ ด้วยความที่เราไม่ได้คุยกันให้ชัดเจนแต่แรก และด้วยความที่เราไม่กล้า เพราะเราอยู่ Under Sponsor แล้ว
ส่วนใครที่ตอนนี้ Sponsor อยู่ แล้วมีปัญหาเรื่องการสอบ (ภาษา) ไม่ได้ พี่สอบมาแล้วเกือบจะ 10 ครั้ง พี่ไม่ท้อนะ พี่ก็พยายามไปเรียนเสริม แล้วก็ฝึกเยอะๆ หาเวลาทำการบ้าน แล้วก็จองสอบเรื่อยๆ จนสอบได้ พี่ก็ไม่ได้สอบได้ในครั้งเดียว เพราะพื้นฐานภาษาพี่ก็ไม่ได้ดี แต่พี่ไม่ท้อ อยากให้พยายามอีกนิดนึง อดทนอีกหน่อยนึง มันได้ค่ะ
ไม่ว่าจะเจอประสบการณ์ไม่ดีหรืออะไร ให้เอามาเป็นบทเรียนแล้วก็แก้ไขครั้งหน้า แล้วก็อย่าท้อค่ะ สู้!”
“สุดท้ายพี่อยากขอบคุณเอมี่ และ I-migration ที่คอยให้คำปรึกษาและสู้ด้วยกันมาตลอด คอยแนะแนวทางให้พี่ ถ้าไม่อย่างนั้นเอาจริงๆ พี่คงถอดใจกลับไทยไปตั้งแต่นายจ้างแรกแล้ว ถามว่าท้อมั้ยมันก็มีแอบท้อนะ แต่เอมี่ก็อยู่คอยให้กำลังใจมาตลอด เป็นเหมือนน้อง อยู่ด้วยกันมาเป็น 10 ปี พอพี่มีปัญหาอะไร เอมี่ก็จะคอยช่วยเหลือตลอด ทำให้พี่รู้สึกดีมากๆ ค่ะ คือถ้าใครต้องการความช่วยเหลือนะ พี่จะแนะนำ I-migration เลย ขอบคุณมากๆ ค่ะ”
ในการเดินทางที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง คุณอุ๊ นุสรา ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น และใจที่ไม่ย่อท้อในการเริ่มต้นใหม่ ไม่ว่าจะเผชิญกับอุปสรรคใด หรือการเดินทางจะดูเหมือนยาวนานสักแค่ไหน กำลังใจและความเชื่อมั่นเป็นเครื่องมือสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เธอไปสู่เป้าหมาย แม้บางครั้งอาจจะรู้สึกหมดหวัง ขอเพียงไม่หยุดก้าวเดิน สักวัน วันนั้นที่เราใฝ่ฝันก็จะเป็นของเรา